รายวิชาพระพุทธศาสนา ม.5 เรื่องการสังคยานา
การสังคายนา
คำว่า สังคายนา หรือ สังคีติ แปลว่า การสวดพร้อมกันหรือร่วมกันสวด โดยความหมาย คือ การร้อยกรองพระธรรมวินัย ดังนั้นการสังคยานาจึงได้แก่ การรวบรวมพระธรรมวินัย ซึ่งเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า เพื่อสอบทานความถูกต้องตรงกัน และจัดเป็นหมวดหมู่ เพื่อง่ายต่อการท่องจำ การศึกษา และการเผยแพร่
คำว่า สังคายนา หรือ สังคีติ แปลว่า การสวดพร้อมกันหรือร่วมกันสวด โดยความหมาย คือ การร้อยกรองพระธรรมวินัย ดังนั้นการสังคยานาจึงได้แก่ การรวบรวมพระธรรมวินัย ซึ่งเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า เพื่อสอบทานความถูกต้องตรงกัน และจัดเป็นหมวดหมู่ เพื่อง่ายต่อการท่องจำ การศึกษา และการเผยแพร่
สาเหตุของการสังคายนา
ภายหลังการปรินิพพานของพระพุทธเจ้า พระพุทธวจนะที่พระองค์ได้ตรัสตามโอกาสและเหตุการณ์ต่างๆ ตลอดพระชนม์ชีพ ส่วนมากจะมีการสืบทอดโดยการท่องจำและการบอกเล่าที่เรียกว่า มุขปาฐะ อย่างไรก็ตามการทรงจำพระธรรมวินัยจะมากน้อยย่อมขึ้นอยู่กับความสามารถของพระสาวกแต่ละรูป ในชั้นต้นพระสาวกที่เป็นพระอรหันต์ยังมีอยู่มาก ความเข้าใจคลาดเคลื่อนในพระธรรมวินัยย่อมไม่เกิดขึ้น แต่ต่อมาเมื่อพระอรหันตสาวกมีลดน้อยลง ความสงสัยและความเข้าใจผิดในพระธรรมวินัยมีมากขึ้น
ภายหลังการปรินิพพานของพระพุทธเจ้า พระพุทธวจนะที่พระองค์ได้ตรัสตามโอกาสและเหตุการณ์ต่างๆ ตลอดพระชนม์ชีพ ส่วนมากจะมีการสืบทอดโดยการท่องจำและการบอกเล่าที่เรียกว่า มุขปาฐะ อย่างไรก็ตามการทรงจำพระธรรมวินัยจะมากน้อยย่อมขึ้นอยู่กับความสามารถของพระสาวกแต่ละรูป ในชั้นต้นพระสาวกที่เป็นพระอรหันต์ยังมีอยู่มาก ความเข้าใจคลาดเคลื่อนในพระธรรมวินัยย่อมไม่เกิดขึ้น แต่ต่อมาเมื่อพระอรหันตสาวกมีลดน้อยลง ความสงสัยและความเข้าใจผิดในพระธรรมวินัยมีมากขึ้น
ประโยชน์ของการสังคายนา
การสังคายนาก่อให้เกิดประโยชน์อย่างยิ่งทั้งต่อพระพุทธศาสนาและพุทธบริษัท ดังนี้
๑) กำจัดและป้องกันพวกอลัชชีไม่ให้ปลอมเข้ามาบวช เพื่ออาศัยพุทธศาสนาแสวงหาผลประโยชน์
๒) สร้างความเข้าใจในพระธรรมวินัยให้ถูกต้องตรงกันในหมู่พุทธบริษัท อันเป็นการรักษาความบริษัทของพระพุทธวจนะให้สืบทอดเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
๓) ทำให้พระพุทธศาสนาเจริญ มั่นคงแพร่หลาย และทำให้เกิดพระไตรปิฎก อันเป็นคัมภีร์ที่สำคัญต่อการศึกษาเรียนรู้พระพุทธศาสนา
การสังคายนาก่อให้เกิดประโยชน์อย่างยิ่งทั้งต่อพระพุทธศาสนาและพุทธบริษัท ดังนี้
๑) กำจัดและป้องกันพวกอลัชชีไม่ให้ปลอมเข้ามาบวช เพื่ออาศัยพุทธศาสนาแสวงหาผลประโยชน์
๒) สร้างความเข้าใจในพระธรรมวินัยให้ถูกต้องตรงกันในหมู่พุทธบริษัท อันเป็นการรักษาความบริษัทของพระพุทธวจนะให้สืบทอดเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
๓) ทำให้พระพุทธศาสนาเจริญ มั่นคงแพร่หลาย และทำให้เกิดพระไตรปิฎก อันเป็นคัมภีร์ที่สำคัญต่อการศึกษาเรียนรู้พระพุทธศาสนา
ประวัติการสังคายนา
ด้วยเหตุที่พระพุทธศาสนามีสองนิกายหลัก คือ นิกายเถรวาทและนิกายมหายาน การนับจำนวนครั้งในการสังคายนาพระไตรปิฏกจึงไม่ตรงกัน อย่างไรก็ตาม การสังคายนาได้กระทำติดต่อกันมาหลายครั้ง ทั้งที่ในอินเดียและประเทศอื่นๆ รวม ๑๐ ครั้ง ดังนี้
ด้วยเหตุที่พระพุทธศาสนามีสองนิกายหลัก คือ นิกายเถรวาทและนิกายมหายาน การนับจำนวนครั้งในการสังคายนาพระไตรปิฏกจึงไม่ตรงกัน อย่างไรก็ตาม การสังคายนาได้กระทำติดต่อกันมาหลายครั้ง ทั้งที่ในอินเดียและประเทศอื่นๆ รวม ๑๐ ครั้ง ดังนี้
ครั้งที่
|
ระยะเวลา
|
สถานที่
|
มูลเหตุ
|
ผู้เข้าประชุม
|
1
|
- หลังพุทธปรินิพพาน
๓ เดือน - ใช้เวลา ๗ เดือน จึงสำเร็จ |
- ถ้ำสัตตบรรณคูหา
เขาเวระ กรุงราชคฤห์ ประเทศอินเดีย | -พระสุภัททะดูหมิ่น พระธรรมวินัย |
- พระอรหันตสาวก จำนวน
๕๐๐ รูป - พระมหากัสสปะเป็นประธาน - มีพระเถระองค์สำคัญ คือ พระอานนท์ พระอุบาลี เป็นต้น - พระเจ้าอาชาตศัตรู ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ |
2 | - พ.ศ.๑๐๐ - ใช้เวลา ๘ เดือน จึงสำเร็จ | - วาลิการาม เมืองเวสาลี ประเทศอินเดีย | - พระวัชชีบุตร ประพฤติย่อหย่อน ทางพระวินัย ๑๐ ประการ | - ประชุมสงฆ์ ๗๐๐ รูปโดยการ ชักชวนของพระยสกากัณฑกบุตร - พระเจ้ากาฬาโศกทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ |
3 | - พ.ศ.๒๓๔ (บางแห่งว่า ๒๓๕) - ใช้เวลา ๙ เดือน จึงสำเร็จ | - อโศการาม เมืองปาฏลีบุตร ประเทศอินเดีย | - เดียรถีย์ปลอมบวช และแสดงพระธรรม- วินัยผิดเพี้ยนจาก หลักพระพุทธศาสนา | - ประชุมสงค์ ๑๐๐๐ รูป - พระโมคคัลลีบุตรติสสะเถระเป็นแกนนำ - พระเจ้าอโศกมหาราชทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ |
4 | - พ.ศ.๒๓๘ -ไม่ปรากฎระยะ เวลาที่กระทำ | - ถูปาราม เมืองอนุราธปุระ ประเทศศรีลังกา | - วางรากฐาน พระพุทธศาสนา ในประเทศศรีลังกา | - ประชุมสงฆ์ ๖๘๐๐๐ รูป - พระมหินทเถระเป็นประธาน - พระเจ้าเทวานัมปิยติสสะทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ |
5 | - พ.ศ.๔๓๓ (บางแห่งว่า ๔๕๐) - ไม่ปรากฎระยะเวลา ที่กระทำ | - อาโลเลณสถาน มาตเลชนบท (มลัยชนบท) ประเทศศรีลังกา | - จารึกพระพุทธวจนะ เป็นลายลักษณ์อักษร | - พระสงฆ์ชาวลังกา - พระรักขิตมหาเถระเป็นประธาน - พระเจ้าวัฏฏคามณีอภัยทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ |
6 | - พ.ศ.๙๕๖ - ไม่ปรากฎระยะเวลา ที่กระทำ | - วัดมหาวิหาร ประเทศศรีลังกา | - ชำระพระอรรถกถาที่ พระพุทธโฆษาจารย์ เรียบเรียงจากภาษา สิงหลเป็นภาษาบาลี | - พระพุทธโฆษาจารย์ร่วมกับพระสงฆ์แห่งวัดมหาวิหาร - พระเจ้ามหานามทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ |
7 |
- พ.ศ.๑๕๘๙
- ไม่ปรากฎระยะ เวลากระทำ | - ประเทศศรีลังกา | - รจนาคัมภีร์ฎีกา ซึ่งเป็นคัมภีร์อธิบาย คัมภีร์อรรถกถา เพื่อ ประโยชน์แก่การศึกษา พระพุทธศาสนา | - พระกัสสปะเถระเป็นประธาน - พระสงฆ์ผู้เชี่ยวชาญพระพุทธศาสนา จำนวน ๑๐๐๐ รูป - พระเจ้าปรากรมพาหุมหาราชทรงเป็นอุปถัมภ์ |
8 | - พ.ศ.๒๐๒๐ - ใช้เวลา ๑ เดือน จึงสำเร็จ | - วัดโพธาราม ประเทศไทย (ครั้งแรก) | - ชำระอักษรใน พระไตรปิฎกที่ยัง ขาดตกบกพร่อง | - พระเจ้าติโลกราชแห่งเมืองเชียงใหม่ - อาราธนาพระภิกษุผู้ทรงภูมิใน พระไตรปิฎกหลายร้อยรูปเข้าประชุม - พระธรรมทันนเถระเป็นประธาน |
9 | - พ.ศ.๒๓๓๑ - ใช้เวลา ๕ เดือน จึงสำเร็จ | - วัดนิพพานาราม (วัดมหาธาตุยุว- ราชรังสฤษฎิ์) ประเทศไทย (ครั้งที่ ๒) | - พระเถระผู้ใหญ่ ประพฤติผิด พระธรรมวินัย รัชกาลที่ ๑ มี พระราชประสงค์ให้ ชำระพระไตรปิฎก | - พระสงฆ์จำนวน ๒๑๘ รูป ราชบัณฑิต คฤหัสถ์จำนวน ๓๒ คน - พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า- จุฬาโลกมหาราชทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ |
10 | - พ.ศ.๒๕๒๘ - ไม่ปรากฎระยะ เวลากระทำ | - วัดมหาธาตุยุว- ราชรังสฤษฎิ์ กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย (ครั้งที่ ๓) | - ชำระพระไตรปิฎก และจัดพิมพ์ใน วโรกาส รัชกาลที่ ๙ จะทรงเจริญพระชนม- พรรษา ๖๐ พรรษา ใน พ.ศ.๒๕๓๐ | - สมเด็จพระสังฆราชทรงเป็นประธาน - ประชุมสงฆ์ทั้งฝ่ายมหานิกายและธรรมยุติกนิกาย - รัฐบาลไทยอุปถัมภ์ |
วิธีการสังคายนา
การสังคายนาจะเริ่มจากการประกาศสมมติตนเป็นผู้ถาม (ปุจฉา) และผู้ตอบ (วิสัชนา) โดยผู้ถาม จะสอบถามพระวินัยแต่ละข้อตามลำดับ เมื่อผู้ตอบตอบแล้ว พระสงฆ์ที่เข้าร่วมประชุมจะสวดพระธรรมวินัยข้อนั้นพร้อมกัน เมื่อตรงกัน ไม่ผิดพลาด และที่ประชุมสงฆ์รับว่าถูกต้องแล้ว จึงถามข้ออื่นต่อไปจนจบพระวินัยปิฎก หลังจากนั้น จะเริ่มสังคายนาพระสูตรเป็นลำดับถัดมา
การสังคายนาจะเริ่มจากการประกาศสมมติตนเป็นผู้ถาม (ปุจฉา) และผู้ตอบ (วิสัชนา) โดยผู้ถาม จะสอบถามพระวินัยแต่ละข้อตามลำดับ เมื่อผู้ตอบตอบแล้ว พระสงฆ์ที่เข้าร่วมประชุมจะสวดพระธรรมวินัยข้อนั้นพร้อมกัน เมื่อตรงกัน ไม่ผิดพลาด และที่ประชุมสงฆ์รับว่าถูกต้องแล้ว จึงถามข้ออื่นต่อไปจนจบพระวินัยปิฎก หลังจากนั้น จะเริ่มสังคายนาพระสูตรเป็นลำดับถัดมา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น